ดูสินค้าทั้งหมด
เมนู สินค้า
ค้นหา
สมาชิก
0
ตะกร้าสินค้า
Notice
  • Login
  • สมัครสมาชิก
  • ลืม password
  • Thai
อุดรอุปกรณ์การแพทย์/อยู่ดีคลินิก
สถิติเว็บ
วันที่สร้างเว็บ :27/5/2012
ปรับปรุงเว็บล่าสุด :13/7/2023
จำนวนคนเข้าชมเว็บนี้ :2909118
สินค้า

อาการปวดส้นเท้า

 รายละเอียดบทความ  วันที่โพส : 28/7/2012  จำนวนคนเข้าชม : 1266


เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ซึ่ง พบได้บ่อย ในผู้หญิงวัยกลางคน ผู้ที่อ้วน หรือ มีรูปเท้าผิดปกติ เช่น เท้าแบน เท้าบิด ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคที่แท้จริงยังไม่ทราบ แต่ เชื่อว่าเป็นเพราะความเสื่อมในจุดที่เส้นเอ็นฝ่าเท้าเกาะกับกระดูกเส้นเอ็นฝ่าเท้าจะเกาะอยู่ระหว่างส้นเท้ากับนิ้วเท้า เมื่อเส้นเอ็นหรือกระดูกบริเวณส้นเท้า ได้รับแรงที่มากเกินไป เช่น การยืนหรือเดินนาน ๆ น้ำหนักตัวมาก อุบัติเหตุ หรือ ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น ทำให้เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบได้

อาการปวด อาจจะปวดแบบตื้อ ๆ หรือ ปวดอย่างรุนแรงก็ได้ ถ้ากระดกข้อเท้าขึ้นหรือกดที่ส้นเท้า จะปวดมากขึ้น

ลักษณะที่พบได้บ่อย คือ หลังจากนอนหรือนั่งพัก เมื่อเริ่มลงน้ำหนัก ลงเดิน ช่วงแรก ๆ จะรู้สึกปวดมาก แต่หลังจากที่เดินไปได้สักพัก อาการปวดก็จะทุเลาลง

ผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 30-70 ถ้าถ่ายภาพรังสีของเท้า จะพบว่ามีกระดูกงอกที่ไต้ฝ่าเท้าได้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะพบกระดูกงอก จากการถ่ายภาพรังสี แต่ก็อาจจะไม่เกี่ยวกับอาการปวดส้นเท้า จึง ไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพรังสีทุกคน
ผู้ป่วยเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ โดยส่วนใหญ่อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่อาจจะต้องใช้เวลารักษานานหลายเดือน แต่ถ้าหลังจากรักษา 6 - 9 เดือน แล้วอาการไม่ดีขึ้นก็อาจจะต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ซึ่งจะต้องใช้เวลารักษาหลังผ่าตัดอีก 2 - 6 เดือน จึงจะดีขึ้น  สำหรับผู้ที่มีอาการมานานมากกว่า 1 ปี หรือ มีน้ำหนักมาก การรักษามักจะได้ผลไม่ค่อยดี ต้องใช้เวลานาน

แนวทางการรักษาด้วยตนเอง

1. ลดกิจกรรมที่ทำให้ปวด หรือ กิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนัก เช่น การยืนหรือ เดินนาน ๆ เป็นต้น และควรออกกำลังที่ไม่ต้องมีการลงน้ำหนัก เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน

2. บริหารเพื่อยืดกล้ามเนื้อน่อง และ เส้นเอ็นฝ่าเท้า

3. นวดฝ่าเท้า หรือ ใช้ผ้าพันที่ฝ่าเท้าและส้นเท้า

4. ใส่รองเท้าที่เหมาะสม ขนาดพอดีไม่หลวมเกินไป มีพื้นรองเท้าที่นุ่ม และมีแผ่นรองรับอุ้งเท้าให้นูนขึ้น อาจใช้แผ่นนุ่ม ๆ รองที่ส้นเท้า (หนา ½ นิ้ว) เพื่อลดอาการปวด ควรใส่รองเท้าส้นสูงประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว หรือ ใช้แผ่นยางสำหรับรองส้นเท้าโดยเฉพาะ

5. หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า

6. ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่น อาจใช้น้ำแข็งทุบใส่ในถุงพลาสติกแล้วห่อด้วยผ้าขนหนู หรือ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น ประคบบริเวณที่ปวดประมาณ 10 - 15 นาที หรือ ประคบด้วยความร้อน 4 นาที สลับกับความเย็น 1 นาที ก็ได้ อาจใช้ครีมนวดแก้ปวด ก็ได้แต่ต้องระวังอย่านวดแรงเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฟกช้ำมากขึ้นไป

7. ถ้าปวดมาก ให้รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซ็ตตามอล ประคบด้วยความร้อน หรือใช้ยานวด 

8. ลดน้ำหนัก

 

การรักษาโดยแพทย์

1. ยาแก้ปวดลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาคลายกล้ามเนื้อ

2. ฉีดยาสเตียรอยด์ บริเวณส้นเท้าแต่ไม่ควรฉีดเกิน 2 ครั้งใน 1 เดือน เพราะอาจทำให้เกิดเส้นเอ็นฝ่าเท้าขาดได้ ขณะฉีดยาสเตียรอยด์อาจทำให้เกิดอาการปวด และชา เพราะจะต้องผสมยาชาร่วมด้วย หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ ( ประมาณ 1- 2 ชั่วโมงหลังฉีด ) ก็อาจเกิดอาการปวดซ้ำอีกครั้ง จึงควรรับประทานยาไว้ก่อน หรือ ถ้ามีอาการปวด ก็ให้ประคบด้วยน้ำอุ่น

3. ทำกายภาพบำบัด 2 - 3 ครั้งต่ออาทิตย์ อย่างน้อย 6 อาทิตย์

4. ใส่เฝือกชั่วคราวให้ข้อเท้ากระดกขึ้น ในตอนกลางคืน หรือ ถ้าเป็นมาก อาจต้องใส่เฝือกตลอดทั้งวัน

5. การผ่าตัด จะทำก็ต่อเมื่อรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล คือ อาการปวดไม่หายหลังรับการรักษาอย่างน้อย 6 - 9 เดือน หรือ สาเหตุการปวดมาจากการที่มีเส้นประสาทบริเวณฝ่าเท้าถูกกดทับ 

 

การบริหาร

1. เมื่อตื่นนอน ให้ นวด หรือ ประคบ ฝ่าเท้าและกล้ามเนื้อน่อง ด้วยความร้อน เช่น แช่ในน้ำอุ่น ใช้ถุงน้ำร้อน หรือ นวดโดยใช้ครีมบรรเทาอาการปวด ก่อนที่จะเริ่มบริหาร

2. การบริหารเพื่อ ยืดกล้ามเนื้อน่อง และ เส้นเอ็นฝ่าเท้า โดยควรทำ อย่างน้อย 3 รอบต่อวัน

        2.1 ใช้ผ้าคล้องที่ปลายเท้าแล้วใช้มือดึงให้ข้อเท้ากระดกขึ้น ค้างไว้ นับ 1-10 แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง

        2.2 ยืนห่างจากผนังสัก 3-4 ฟุต มือยันผนังแล้วเอนตัวไปให้ชิดกับผนัง ค้างไว้ นับ 1-10 ทำซ้ำ 10 ครั้ง

        2.3 ยืน หรือ นั่ง แล้วใช้อุ้งเท้าเหยียบ วัสดุกลม ๆ เช่น ลูกเทนนิส ลูกปิงปอง หรือ กะลา

3. การบริหารเพื่อ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อข้อเท้าและกล้ามเนื้อในฝ่าเท้า

        3.1 เกร็งกล้ามเนื้อ กระดกข้อเท้าขึ้นมากที่สุด ค้างไว้ นับ 1-10 (10 วินาที) แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง

        3.2 เกร็งกล้ามเนื้อ งอข้อเท้าลงมากที่สุด ค้างไว้ นับ 1-10 (10 วินาที) แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง

        3.3 ยืน แล้วเขย่ง ให้ส้นเท้าสูงพ้นพื้น ค้างไว้ นับ 1-10 ( 10 วินาที ) แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง

        3.4 ใช้นิ้วเท้าหยิบสิ่งของจากพื้น เช่น ผ้า ดินสอ ก้อนหินเล็ก ๆ 

สรุป 

เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ การรักษาจึงแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการที่เป็นอยู่ก็ควรปรึกษาแพทย์ 

เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ มักรักษาให้หายขาดได้ แต่อาจต้องใช้เวลานาน หลายเดือน ถ้ายิ่งเป็นมานาน ก็จะยิ่งรักษาหายช้า ซึ่งผลการรักษาจะดีหรือไม่นั้น ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ด้วย ถ้าผู้ป่วยให้ความร่วมมือดี การรักษาก็จะได้ผลดีด้วยเช่นกัน

บทความโดย นพ.พนมกร ดิษฐสุวรรณ์  ศัลยแพทย์กระดูกและข้-จากเว็บไซต์ ThaiClinic.com

ถูกใจบทความนี้ ช่วยกดไลค์หรือแชร์กันหน่อยนะ...
เรื่องน่าสนใจอื่น ๆ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้
Save Progress..